ศาลาอเนกประสงค์นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการศูนย์วิปัสสนากรรมฐานยุวพุทธิกสมาคม แห่งประเทศไทย จังหวัดชุมพร ในพื้นที่ดินที่ได้รับการบริจาคมาจากคุณประไพ ไพฑูรย์ โดยเป็นพื้นที่สวนปาล์มและพื้นที่ดินเดิมที่มีต้นไม้ใหญ่และลำคลองไหลผ่าน
ศาลาอเนกประสงค์แห่งนี้ถูกออกแบบให้วางตัวทอดยาวไปตามพื้นที่ดินที่มีคลองธรรมชาติล้อมรอบ และต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่ดินเดิมเติบโตให้ความร่มเย็นอยู่ โดยมีความสงบ สบาย เป็นธรรมชาติ เป็นหลักสำคัญในการออกแบบพื้นที่สำหรับการปฏิบัติกิจกรรมอันหลากหลาย อาทิ การทำวัตรสวดมนต์ของพระสงฆ์และผู้ปฏิบัติธรรม รองรับการทำบุญถวายสังฆทาน การบรรยายธรรม การปฏิบัติในคอร์สวิปัสสนาเข้มของพระสงฆ์และฆราวาสที่ต้องการความสัปปายะ สงบและมีความเป็นธรรมชาติ โดยบางกิจกรรมต้องการความเชื่อมต่อของพื้นที่ภายในและพื้นที่ภายนอกอาคาร
การวางผังคำนึงถึงต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่ อาคารถูกออกแบบให้แทรกตัวเข้าไปอยู่กับต้นไม้ใหญ่ และทอดตัวตามพื้นที่ที่โอบล้อมด้วยคลองธรรมชาติอย่างนอบน้อมกลมกลืน
ศาลาออกแบบด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย ที่เปิดต้อนรับการเข้ามาด้วยลานอเนกประสงค์ด้านหน้าที่สอดแทรกพื้นลานใหม่ด้วยระนาบพื้นที่เรียบง่ายเข้ากับต้นใม้ใหญ่อันเป็นรูปทรงธรรมชาติ ที่เห็นเพียงเงากิ่งก้านใบทอดตัวลงบนพื้นบล็อคหญ้า ก่อนจะเดินขึ้นสู่พื้นที่ศาลาที่ถูกยกลอยขึ้นเพื่อแบ่งส่วนการใช้งานและการถ่ายเทอากาศภายใต้พื้นอากาศไม่ให้มีความชื้นสะสม ประกอบกับการออกแบบหลังคาในระดับชายคาที่ให้ความรู้สึกนอบน้อม ใกล้ชิด และกลมกลืนโดยใกล้เคียงกับความสูงของคนบังแดดฝนภายในอาคาร ส่วนระเบียงภายนอกออกแบบให้แทรกตัวอยู่ร่วมกับต้นไม้ใหญ่ได้ร่วมเงา และสามารถเดินเท้าเปล่าได้จากการเลือกใช้วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องดินเผา สีตัวอาคารภายนอกเป็นสีตาลเข้มให้ทั้งความกลมกลืนกับพื้นดินและลำต้นต้นไม้ รวมถึงไม่สะท้อนแสงแดด สื่อความหมายถึงความมีอยู่อย่างไม่เบียดเบียน
ภายในศาลาออกแบบให้ความโปร่งโล่งโดยระดับความสูงภายในเท่ากับความลาดเอียงของหลังคา แสงจากภายนอกที่เข้ากระทบสีขาวช่วยในการกระจายแสงเป็นอย่างดี ผสานความอบอุ่นธรรมชาติของพื้นไม้ และเพื่อให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับศาลาโล่งที่สุด ประตูหน้าต่างส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้เป็นบานเลื่อนมุ้งลวดเนื่องจากแมลงชุม อีกส่วนเป็นหน้าต่างบานเกร็ดที่เป็นกระจกปรับมุมเพื่อให้สามารถหมุนปิดป้องกันลมพายุฝนรุนแรงได้
ส่วนของห้องน้ำ ถูกวางแยกออกไปเป็นอีกอาคารทางด้านทิศเหนือเชื่อมต่อด้วยทางเดินเท้า ระดับพื้นดิน แทรกตัวอ่อนน้อมอยู่ท่ามกลางต้นไม้ โดยใช้สีและวัสดุใกล้เคียงกับศาลาเพื่อความกลมกลืน
ความสงบท่ามกลางธรรมชาติเป็นชีวิตธรรมดา
*อาคารอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดจะเสร็จสมบูรณ์ต้นปี 2016